ค้นหาโรงแรมรับส่วนลดสูงสุด 80%                                       
                                       
ค้นหาโรงแรมรับส่วนลดสูงสุด 80%
ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทย

กดถูกใจเพจของเราเพื่อติดตามข้อมูล ข่าวสาร กิจกรรม และสิทธิพิเศษสมาชิกได้ทันทีค่ะ






 ที่เที่ยวพระนครศรีอยุธยา > อำเภอท่าเรือ > วัดพนัญเชิงวรวิหาร



วัดพนัญเชิงวรวิหาร

- ท่าเรือ พระนครศรีอยุธยา -




รายละเอียดเกี่ยวกับที่เที่ยว

ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลคลองสวนพลู ริมแม่น้ำป่าสักทางทิศใต้ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง ห่างจากตัวเมืองราว 5 กิโลเมตร หรือเมื่อออกจากวัดใหญ่ชัยมงคล ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปตามถนนประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเห็นวัดพนัญเชิงอยู่ทางขวามือ วัดพนัญเชิงเป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย เป็นวัดที่มีมาก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งซึ่งครองเมืองอโยธยาเป็นผู้สร้างขึ้นตรงที่พระราชทานเพลิงศพพระนางสร้อยดอกหมาก และพระราชทานนามวัดว่า “วัดพระเจ้าพระนางเชิง” (หรือวัดพระนางเชิง)

พระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ตามพงศาวดารกล่าวว่าสร้างเมื่อพ.ศ.1867 ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา 26 ปีเดิมชื่อ “พระพุทธเจ้าพนัญเชิง”(พระเจ้าพะแนงเชิง) แต่ในรัชกาลที่ 4 เมื่อมีการบูรณะปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปองค์นี้ได้พระราชทานนามใหม่ว่า “พระพุทธไตรรัตนนายก” (ชาวบ้านนิยมเรียกหลวงพ่อโต ชาวจีนนิยมเรียกว่าซำปอกง ผู้คุ้มครองการเดินทางทางทะเล)เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบอู่ทองปางมารวิชัยลงรักปิดทอง มีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตรและสูง 19.13 เมตร ฝีมือปั้นงดงามมาก เบื้องหน้ามีตาลปัตรหรือพัดยศและพระอัครสาวกที่ทำด้วยปูนปั้นลงรักปิดทองประดิษฐานอยู่เบื้องซ้ายและขวา อาจนับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปนั่งสมัยอยุธยาตอนต้นที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง เข้าใจว่าเมื่อสร้างพระองค์ใหม่เสร็จแล้วจึงสร้างพระวิหารหลวงขึ้นคลุมอีกทีหนึ่ง ตามตำนานกล่าวว่า เมื่อคราวพระนครศรีอยุธยาจะเสียกรุงแก่ข้าศึกนั้น พระพุทธรูปองค์นี้มีน้ำพระเนตรไหลออกมาทั้งสองข้าง ส่วนในพระวิหาร เสาพระวิหารเขียนสีเป็นลายพุ่มข้าวบิณฑ์ก้านแย่งสีแดงที่หัวเสามีปูนปั้นเป็นบัวกลุ่มที่มีกลีบซ้อนกันหลายชั้น ผนังทั้งสี่ด้านเจาะเป็นซุ้มเล็กประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดเล็กโดยรอบจำนวน 84,000 องค์เท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์ตามความเชื่อทางพุทธศาสนา ส่วนประตูทางเข้าด้านหน้าซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก เป็นบานประตูไม้แกะสลักลอยตัวเป็นลายก้านขดยกดอกนูนออกมา เป็นลักษณะของศิลปะอยุธยาที่งดงามมากแห่งหนึ่ง

พระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธรูป 5 องค์ ศิลปะสุโขทัย วิหารเซียน อยู่ด้านหน้าของพระวิหารหลวงเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งแต่เดิมมีภาพจิตรกรรมเขียนไว้บนผนังทั้งสี่ด้าน แต่ถูกโบกปูนทับไปแล้วเมื่อคราวบูรณะปฏิสังขรณ์ ข้างในพระวิหารหลังนี้ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบอยุธยา ศาลาการเปรียญ หลังเก่าย้ายจากริมแม่น้ำมาอยู่ด้านหลังของวัด เป็นศาลาทรงไทยสร้างด้วยไม้ หน้าบันประดับช่อฟ้าใบระกา หางหงส์ บริเวณคอสอง (ขื่อ) ด้านในศาลามีภาพเขียนสีบนผ้าเป็นภาพพุทธประวัติอยู่โดยรอบ มีตัวอักษรเขียนไว้ว่าภาพเขียนสีนี้เขียนขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2472 ภายในศาลามีธรรมาสน์อยู่ 1 หลังสลักลวดลายสวยงามเป็นศิลปะแบบรัตนโกสินทร์

ภายในวัดพนัญเชิงยังจะพบ ตึกเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ก่อสร้างเป็นตึกแบบจีนเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่สร้อยดอกหมากในเครื่องแต่งกายแบบจีน ชาวจีนเรียกว่า “จูแซเนี๊ย” เป็นที่เคารพนับถือของชาวจีนทั่วไป คนไทยเข้าชมฟรี สำหรับชาวต่างชาติเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท

แผนที่การเดินทางไปวัดพนัญเชิงวรวิหาร




   เว็บไซต์ : -
   แหล่งที่มาของข้อมูล : http://www.tourismthailand.org


ที่เที่ยวใกล้เคียง


สวนกล้วยไม้บางไทรการ์เด้น
สวนกล้วยไม้บางไทรการ์เด้น อาณาจักรแห่งกล้วยไม้บนพื้นที่ 500 ไร่ ได้ชื่อว่าเป็นสวนกล้วยไม้ปลูกบนดินแห่งแรกในประเทศไทยที่จัดตกแต่งอย่างสวยงามสกุลมอคาลาและกล้วยไม้หลากหลายพันธุ์เหมือนสวนทิวลิปในประเทศฮอลแลนด์ ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศสวนกล้วยไม้หลากสี การันตีคุณภาพและความงามด้วยรางวัลแชมป์กล้วยไม้ระดับประเทศ นอกจากนี้ ภายในบริเวณสวนยังมีนิทรรศการ พันธุ์กล้วยไม้ และการแสดงพันธุ์กล้วยไม้ประจำปีให้นั...
มัสยิดนูรุ้ลยะมาล
มัสยิดนูรุ้ลยะมาล ตั้งอยู่ที่ตำบลลุมพลี อำเภอพระนครศรีอยุธยา ถือเป็นมัสยิดเก่าแก่อีกหลังหนึ่งมีความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัอยุธยา มัสยิดนูรุ้ลยะมาล เป็นศาสนสถานสำหรับประกอบศาสนกิจและศูนย์รวมศรัทธาของชุมชนชาวไทยมุสลิมที่อาศัยอยู่ที่ตำบลพลุพีมาเนิ่นนานนับศตวรรษ ตามประวัติเล่าว่ามีกลุ่มทายา เชื้อสายของฮูเซ็นเป็นชาวเปอร์เซียที่นับถือศาสนาอิสลาม ได้พากันสร้างมัสยิดที่บ้านสระบัวแห่งทุ่งลุมพลีนี้มาตั้งแต่สมัยสมเด็...
วัดราชประดิษฐาน
วัดราชประดิษฐานตั้งอยู่ที่ถนนอู่ทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตั้งอยู่ริมปากคลองประตูข้าวเปลือกฝั่งตะวันตก ภายในกำแพงพระนคร ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยามีกล่าวถึงวัดราชประดิษฐานหลายครั้ง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นคนสร้างและสร้างในรัชสมัยใด นักโบราณคดีทราบเพียงว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เป็นวัดที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ทรงผน...
วัดช้างใหญ่
วัดช้างใหญ่ อยู่ใกล้กับวัดตูม ตั้งอยู่เลขที่ 46 หมู่ 1 ตำบลวัดตูม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดแห่งนี้ถือเป็นวัดที่มีความสำคัญต่อช้างและเอกราชของชาติในสมัยอยุธยาเป็นอย่างยิ่งพระสมุห์สมจิตร์ สํวุฑโฒ เจ้าอาวาสวัดช้างใหญ่เล่าไว้ว่า วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีความเกี่ยวข้องกับชาวมอญมาแต่โบราณด้วยชาวมอญที่นี่มีความสามารถพิเศษในการฝึกเลี้ยงช้างเพื่อถวายแด่พระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา หัวหน้าชาวม...
วัดบางนมโค
วัดบางนมโคห่างจากที่ว่าการอำเภอเสนา ประมาณ 2 กิโลเมตร สันนิษฐานกันว่าวัดบางนมโคสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เมื่อครั้งกองทัพพม่ายกเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2310 นั้น พม่าได้มาตั้งค่ายกองกำลังที่สีกุก อำเภอบางบาล ซึ่งห่างจากวัดบางนมโคประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ พม่าได้ทำการกวาดต้อนผู้คน วัวควายในทุ่งแถบนี้ไปเป็นเชลย เป็นพาหนะ เป็นอาหาร สำหรับเป็นเสบียงสนับสนุนกองทัพ เอาโคของประชาชนไปอยู่ในในที่กองกำ...
วัดพรานนก
เมื่อเอ่ยชื่อ “วัดพรานนก” หลายท่านอาจนึกถึงวัดที่ตั้งอยู่ฝั่งธนบุรีในกรุงเทพมหานครฯ แท้จริงแล้ว วัดพรานนก แห่งนั้นตั้งชื่อไว้เพื่อระลึกถึงวัดพรานนกและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยที่กรุงศรีอยุธยา ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลโพธิ์สาวหาญ อำเภออุทัย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 2300 ตรงกับช่วงกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ตำนานเล่าไว้ว่า “พรานทองคำ” ชำนาญการล่านก หนู เลี้ยงชีพ เมื่อพระยาวชิรปราการ (พระยาตาก ในเวลาต่อมา) เ...
วัดเชิงท่า
ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะเมือง ริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำลพบุรี ใกล้กับคูไม้ร้องซึ่งเป็นอู่เก็บเรือพระที่นั่ง ที่ตั้งของวัดอยู่บริเวณท่าข้ามเรือของฝั่งเกาะเมืองมาขึ้นฝั่งวัดเชิงท่า ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่า วัดเชิงท่า หรือวัดตีนท่า ไม่มีการบันทึกไว้ชัดเจนว่าวัดเชิงท่าสร้างขึ้นในสมัยใด หรือโดยใคร แต่วัดเชิงท่าผูกพันกับตำนาน เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และถูกกล่าวถึงในวรรณคดีไทย จึงทำให้วัดเชิงท่ามีชื่อเรียกหลากหลาย ...
ตลาดลาดชะโด
ตลาดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี เริ่มจากเรือนแพค้าขายของชาวจีนที่ตั้งอยู่สองฝั่งคลอง ต่อมาได้สร้างเป็นตลาดไม้ริมน้ำ แล้วขยายขึ้นไปบนบกเรื่อยๆ จำนวนเกือบร้อยคูหา เป็นเรือนแถวขนาดใหญ่หันหน้าเข้าหากัน ทางเดินกว้างขวางในชุมชนมีวัด โรงเรียน ศาลเจ้า โรงสีและโรงภาพยนตร์ที่ยังคงสภาพแบบเดิม ชุมชนลาดชะโดเดิม เรียกว่าบ้านจักราช เป็นชุมชนที่เกิดขึ้นหลังจากพม่าปล้นกรุงศรีอยุธยาและถอนกำลังลงไปในปี พ.ศ.2310 บริเวณบ้านจักราช มี...

โรงแรมใกล้เคียง